Sunday, July 18, 2010

หมอไร้คุณธรรม

หมอไร้คุณธรรม


มีอยู่วันหนึ่ง คุณไป่เปี่ยวขับรถส่วนตัวเดินทางไปพิษณุโลก เป็นเส้นทางสู่ทางเหนือ ทุกๆ เดือน คุณไป่เปี่ยวจะต้องเดินทางไปพิษณุโลก เมื่อรถแล่นผ่านปากน้ำโพบนถนนหลวง ก็มีอุบัติเหตุรถชนกัน ระหว่างรถจักรยานยนต์ 2 คันชนกัน คันหนึ่งมี 3 คน อีกคันมี 2 คน ทั้งหมด 5 คน 1 ใน 5 คน มีชายคนหนึ่งลุกขึ้นมาโบกรถเพื่อขอความช่วยเหลือ นอกนั้นนอนระเนระนาดอยู่กับพื้น รถวิ่งผ่านไปมาหลายคัน แต่ไม่มีคันไหนจอดเพื่อช่วยเหลือคนเจ็บ ซึ่งมีผู้หญิง 3 คน 2 คนขาขาด อีกคนหนึ่งหน้าถลอกเลือดไหลไม่หยุด

ส่วนผู้ชายอีกคนนอนอยู่กลางถนนไม่ไหวติง ต่อมาก็มีคนมามุงดูมากมาย คุณไป่เปี่ยวเห็นเหตุการณ์เช่นนั้นจึงถามว่า "แถวนี้มีโรงพยาบาลไหม ?" ชาวบ้านจึงว่า "ต้องนั่งรถไปอีก 20 กว่ากิโลจะมีโรงพยาบาลเอกชน" โรงพยาบาลนี้มีนายแพทย์ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งประจำอยู่ เป็นโรงพยาบาลเปิดใหม่ คุณไป่เปี่ยวจึงคิดว่า รถของตนเองเป็นรถกระบะเล็กนั่งได้เพียง 2 คน ไม่สามารถให้ผู้บาดเจ็บโดยสารไปได้ จึงได้โบกรถคันอื่นเพื่อขอความช่วยเหลือ บังเอิญโชคดีมีรถกระบะคันหนึ่งแล่นผ่านมา คุณไป่เปี่ยวจึงขอความช่วยเหลือโดยให้ชาวบ้านหลายๆ คน ช่วยกันอุ้มคนเจ็บขึ้นรถ และขอให้ไปส่งที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด

เมื่อไปถึงโรงพยาบาลก็ไม่เจอหมอ เจอแต่นางพยาบาลอยู่หลายคน คุณไป่เปี่ยวจึงรีบขอความช่วยเหลือจากนางพยาบาล พร้อมขอเตียงคนไข้และรถเข็นสำหรับคนเจ็บ นางพยาบาลเข็นมาให้แต่รถส่วนเตียงคนไข้ไม่ได้เข็นมาพร้อมกับพูดว่า "ต้องรอผู้อำนวยการเสียก่อน"

คุณไป่เปี่ยววิ่งเข้าวิ่งออกโดยเสียเวลาไปมาก จนกระทั่งเห็นหมอเดินออกมา เป็นหมอหนุ่มอายุไม่เกิน 30 ปี ดูลักษณะเหมือนหมอห่วงคนเจ็บมาก รีบขึ้นรถดูอาการคนไข้ที่เจ็บมากที่สุดก่อนคือ ผู้ชายที่ลำไส้ใหญ่และอวัยวะภายในทะลักออกมาข้างนอก เมื่อหมอมาถึงก็รีบๆ เอาลำไส้ยัดใส่เข้าไปในท้อง โดยไม่ใส่ใจว่าลำไส้จะเปื้อนดินเปื้อนทรายแค่ไหน

หลังจากนั้นคุณหมอก็พูดกับคุณไป่เปี่ยวว่า "โรงพยาบาลแห่งนี้มีเครื่องมือไม่ครบ หมอแนะนำให้ส่งคนเจ็บไปโรงพยาบาลหลวงเพราะที่นั่นมีเครื่องมือทันสมัย ยังมีคนเจ็บที่เป็นผู้หญิงอีก 2 คนที่ขาขาดควรที่จะส่งไปโรงพยาบาลหลวง" คุณไป่เปี่ยวได้ฟังเช่นนั้นรู้สึกซึ้งในน้ำใจหมอ จึงคิดว่าหมอแนะนำดีและมีเหตุผล

โรงพยาบาลหลวงห่างจากโรงพยาบาลเอกชนประมาณ 70 ถึง 80 กิโล คนขับรถกระบะที่มาส่งคนเจ็บบอกว่า "มีธุระด่วน ไม่สามารถส่งคนเจ็บไปที่โรงพยาบาลหลวงได้" คุณไป่เปี่ยวจึงต้องหารถโดยสารเล็กนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาล และยังขอร้องให้นางพยาบาลอีกคนช่วยดูแลคนเจ็บ เมื่อไปถึงโรงพยาบาลคนเจ็บทุกคนต้องให้น้ำเกลือเสียเวลาไปเกือบ 2 ชั่วโมง คุณไป่เปี่ยวก่อนนำคนเจ็บไปโรงพยาบาลหลวง ยังวานให้เด็ก ล้างรถกระบะที่ติดเลือดออกให้หมด พร้อมทั้งจ่ายค่ารักษาให้หมอ และนึกขอบคุณหมอหนุ่มและนางพยาบาลเหล่านั้น

พอออกจากโรงพยาบาลมามีคนเล่าให้ฟังว่า "ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ไม่ใช่ไม่มีเครื่องมือรักษา แต่ในกรณีคนเจ็บที่ประสบอุบัติเหตุ ถึงแม้รักษาก็จะไม่ได้ค่ารักษาใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นโรงพยาบาลเอกชนจึงไม่รับรักษาคนเจ็บ จึงพยายามแนะนำผู้ที่ส่งคนเจ็บมาว่าให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลหลวง"

ความรู้สึกครั้งแรกที่คุณไป่เปี่ยวได้เห็นหมอกุลีกุจอดูแลคนเจ็บ จนเกิดความซึ้งใจเปลี่ยนเป็นความโกรธเคืองว่าหมอคนนี้ไม่มีคุณธรรมไม่มีน้ำใจ ด้วยความโกรธอยากจะเอาแก้วน้ำที่ถืออยู่ในมือสาดใส่หน้าของนางพยาบาลที่ติดตามมาเพื่อเป็นการสั่งสอน แต่คิดไปคิดมาอย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ ไม่คุ้มเลยที่จะไปมีเรื่องมีราวกับคนที่ไม่มีเมตตาธรรม คนเห็นแก่เงิน ถึงโกรธไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงตัดสินใจรีบขับรถเดินทางต่อไป โดยลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ ไม่กี่วันต่อมาคุณไป่เปี่ยวทำธุระที่พิษณุโลก

เสร็จจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ จะต้องผ่านจังหวัดนครสวรรค์อีก คุณไป่เปี่ยวจึงแวะเยี่ยมคนเจ็บที่โรงพยาบาล หมอบอกว่า "ผู้หญิงคนที่ขาขาดยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ส่วนคนเจ็บ 2 คนกลับบ้านไปแล้ว มีผู้เสียชีวิตคนหนึ่งคือผู้ชายที่ไส้ทะลัก เพราะมาส่งที่โรงพยาบาลช้าเกินไป หมอช่วยไว้ไม่ทัน" พอคุณไป่เปี่ยวได้ฟังหมอพูดเช่นนั้น ก็อดเคืองหมอหน้าเงินคนนั้นอีกไม่ได้ที่ไม่ยอมรักษาคนเจ็บ ถ้าหมอคนนั้นไม่เห็นแก่เงินสักนิดผู้ชายคนนี้อาจจะไม่ตายก็ได้

ต่อมาอีกไม่นานคุณไป่เปี่ยวก็ขับรถคู่ใจคันสีขาวมุ่งสู่จังหวัดพิษณุโลก เป็นเรื่องแปลกและอัศจรรย์จริงๆ เพราะถนนหลวง เส้นทางเดียวกันกับเมื่อครึ่งปีก่อนได้เกิดอุบัติเหตุรถชนกัน เป็นปีเดียวกันกับที่คุณไป่เปี่ยวช่วยพาหนุ่มสาวเหล่านั้นไปส่งโรงพยาบาล

แต่ว่าวันนี้รถเก๋งชนกับรถบัสใหญ่ ครั้งนี้คุณไป่เปี่ยวได้เห็นรถเก๋งยี่ห้อดังถูกชนจนกระจกหน้ารถแตกย่อยยับ รถบัสใหญ่ก็ถูกชนหงายท้อง มีจราจรมายืนโบกรถให้รถที่แล่นผ่านไปมาขับช้าๆ คุณไป่เปี่ยวจอดรถลงไปดูจึงได้รู้ว่า รถเก๋งคันที่ถูกชนเจ้าของรถคือผู้อำนวยการใหญ่โรงพยาบาลเอกชนแถวนี้ พอคุณไป่เปี่ยวได้รู้เช่นนั้นรู้สึกตกใจมาก ไม่รู้อะไรดลใจให้ไปที่โรงพยาบาล เมื่อไปถึงโรงพยาบาลนางพยาบาลบอกว่า

"ผู้อำนวยการประสบอุบัติเหตุรถชนกัน ตอนนี้อาการขั้นโคม่า จะรอดหรือปล่าวก็ยังไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ต้องตัดขาทิ้ง ขณะนี้กำลังรอพี่ชายมาจากในเมืองเพื่อส่งไปรักษาที่กรุงเทพฯ"

พอคุณไป่เปี่ยงได้ฟังเช่นนั้นก็คิดว่า "เรื่องกฏแห่งกรรมนั้นมีจริง" และสนองทันตาเห็น เพราะเมื่อครึ่งปีก่อนมีคนประสบอุบัติเหตุรถชนกัน มีผู้หญิงขาขาด 2 คน ผู้ชายไส้ทะลัก 1 คน หมอไม่รับรักษาให้ เพราะคิดว่าไม่มีค่าตอบแทน

ฉะนั้น เรื่องเล่ากันว่าหมอทุกคนต้องมีวิญญาณผีติดตามตัวตลอดเวลาเป็นเรื่องจริง เพราะหมอที่ไม่มี คุณธรรมเห็นแก่เงินไม่รักษาคนเจ็บ ผลสุดท้ายตัวเองก็ประสพอุบัติเหตุเช่นกัน กรรมจึงตามสนองเหมือนเงาตามตัว



.............................................................

คัดลอกมาจาก
http://www.manager.co.th/Dhamma/