ทำไมเกิดมาไม่เหมือนกัน
การที่คนเกิดมาไม่เหมือนกัน เช่นบางคนฉลาด บางคนโง่
บางคนรูปร่างงาม บางคนตรงกันข้าม บางคนเกิดในตระกูลตํ่า บางคนเกิดในตระกูลสูง
เมื่อถามว่า
ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ ถ้าตอบแบบวิทยาศาสตร์ ก็ตอบว่าการที่ฉลาดหรือโง่
ร่างกายสมประกอบหรือไม่ จนหรือมั่งมี ก็เพราะไปเกิดในมารดาบิดาที่มีเหตุแวดล้อมดี
เลวผิดกัน ความเป็นไปจึงผิดกันเป็นอันว่าบิดา มารดา ถ่ายทอดสิ่งต่าง ๆ ให้ด้วย
เหตุแวดล้อมประกอบด้วย จึงเป็นเช่นนั้น
จึงเป็นอันว่าตอบด้วยหลักพันธุกรรมและเหตุแวดล้อม
คราวนี้ถ้าถามต่อไปว่า
เหตุไฉนเล่าจึงไปเกิดเป็นลูกของคนมีบ้าง จนบ้าง
มีส่วนประกอบทางกายและจิตใจสมบูรณ์บ้างบกพร่องบ้าง ทำ ไมจึงต่าง ๆ กันไป
ทำไมจึงไม่เกิดในที่ดี ๆ เหมือนกันหมด ในที่สุดก็จะต้องซัดให้ความบังเอิญ
แต่ในปัจจุบันเราเลิกทฤษฎีบังเอิญกันแล้ว ทุกสิ่งต้องมีเหตุผล ไม่ใช่บังเอิญ
บังเอิญเป็นคำ
ที่เราใช้กันในเมื่อยังหาเหตุผลไม่ได้เท่านั้น
ทางพระพุทธศาสนาสอนว่า กรรม
คือการกระทำ ในชาติก่อน ได้จัดสรรเสร็จ ให้ไปเกิดในฐานะนั้น ๆ
ได้รับการถ่ายทอดทางกายดีหรือเลว ได้ประสบสิ่งแวดล้อมดีหรือเลว แล้วแต่กรรมนำไป
ไม่ใช่พระเจ้าสร้าง ทุกคนสร้างตัวเอง ด้วยการกระทำ ของตน
ในกรณีเช่นนี้เราจะไม่ไปโทษคนโน้นคนนี้ว่าสร้างเราไม่ดี
แต่เราจะสร้างตัวเราใหม่ในชาตินี้ด้วยการทำ ดี
อบรมให้เกิดอุปนิสัยใจคอที่ดีงามได้ตามประสงค์ อาจมีผู้แย้งจะให้เห็น
ด้วยตาตามเคยว่า กรรมรูปร่างเป็นอย่างไรจึงจัดสรรได้
และติดตามคนได้
ข้อนี้เปรียบด้วยพลังงานซึ่งติดไปกับลูกศรเวลายิงไปในอากาศ
ลูกศรแล่นไปเรื่อย ๆ นั้นเราเห็นพลังงานหรือเปล่า
หรือผู้ที่ได้รับสถาปนาเป็นพระมหากษัตริย์ ถ้าไม่แสดงพระองค์เสด็จปะปนไปในที่ต่าง ๆ
และเราไม่รู้มาก่อน
มีอะไรติดตามไปเป็นเครื่องแสดงให้เห็นบ้างว่ท่านผู้นี้เป็นพระราชา
เพราะพระองค์ก็มีอวัยวะร่างกายเหมือนคนธรรมดาทุกอย่าง
แต่ท่านก็คงเป็นพระราชาอยู่นั่นเอง การที่กรรมติดตามคนนั้น
ท่านเปรียบเหมือนเงาของคน
จะขู่หรือปลอบไม่ให้ติดตามก็ไม่ได้
พระพุทธศาสนาเปรียบกรรมว่า
เป็นเนื้อที่วิญญาณเป็นพืช แสดงว่ากรรมกับวิญญาณมีส่วนสัมพันธ์กัน เนื้อที่ดี
พืชก็งอกงามดี คนเราจะดีเลว เพราะการกระทำของตนเช่นนี้ จึงควรอย่างยิ่งที่จะเลือกทำ
แต่กรรมดี ละเลิกความชั่วเสีย เมล็ดทุเรียนเก็บความสามารถในการเป็นต้น มีใบ ดอก
และลูกทุเรียนไว้ได้ในตัวเอง เมื่อถึงคราวก็เจริญเติบโตเป็นต้นทุเรียนฉันใด
วิญญาณก็มีกรรมติดไปด้วยอย่างซ่อนเร้น ไม่เห็นตัว แต่เมื่อปรากฏตัวออกมา
ก็ปรากฏตามลักษณะที่กำหนดของกรรมนั้น ๆ
โดย : สุชีพ ปุญญานุภาพ